วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เบื่อที่จะกั๊ก รักที่จะเขียน

ไหนๆ ก็ไหนๆ คิดว่าคงจะชวดอดได้ในสิ่งที่ต้องการเเล้วละ แต่ว่าก็เทรดในตลาดมาระยะนึงถึงจะไม่ต่อเนื่องแต่ก็อยากจะเก็บสิ่งที่เคยพบเจอไว้ ไม่อยากให้มันหายไปเฉยๆ บลอคนี้จะเป็นบลอคที่ใส่ทุกอย่างไว้ชนิดไม่มีกั๊ก เพื่อว่าวันนึงเรามองย้อนกลับมาจะได้ไม่เสียใจ เพราะเราทำเต็มที่แล้ว เเละโดยส่วนตัวก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งอะไร ยิ่งเรื่องการเขียนอธิบายยิ่งยอดเเย่ เอาเป็นว่ารวมๆ มันไว้ในบลอคนี้เเล้วกัน
เอาทีละเรื่องไปยาวๆ เลยเเล้วกัน
เรื่องเเรก คงต้องเป็นเรื่องการอ่านข่าว
ใครที่ถูกสอนว่า "อย่าอ่านข่าว" หัวหน้าเมิงคิดจะกั๊กเมิงไปตลอดชีวิตเเล้วละว่ะ
แต่ว่าเรามาพูดถึงวิธีอ่านข่าวกันดีกว่าเนอะ
สิ่งที่ข่าวให้เรา
- ปัจจัยพื้นฐาน
ช่วยให้เราได้ศึกษาว่า มีปัจจัยเรื่องราคาวัตถุดิบ เรื่องไหนบ้างที่มีผลต่อราคา ผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้างที่บริษัทนั้นๆ สามารถผลิตเเละทำกำไรกับมัน อันนี้เป็นเชิงโครงสร้างการประกอบกิจการของบริษัทที่เราเลือกดู คล้ายกับแบบ 56-1 ของบริษัท แต่เป็นภาคปฏิบัติ เท่านั้นเอง
- การเล่นตามฤดูกาล
มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยๆ จนได้ชื่อว่าเป็นฤดูกาลสำหรับหุ้นนั้นๆ ไปเลยทีเดียว อย่าง น้ำมันหน้าหนาว รายไตรมาสธนาคาร แบบนี้
- การเล่นข่าวเพื่อเปลี่ยนเทรน
เพราะข่าวจะสามารถประโคมได้ดีที่สุดเมื่อทุกอย่างชัดเจน เป็นต้นว่า เล่นตามฤดูกาล แต่ข่าวจะมาออกล่วงหน้าไม่ได้ เพราะนักข่าวไม่ใช่นักวิเคราะห์ มันเลยกลายเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรู้เอง
- การเล่นเป็น Story
การอ่านข่าวย้อนไปไกลๆ จนเห็นภาพรวมของบริษัท มันจะทำให้เราเห็นว่า เรื่องไหนคือหัวใจสำคัญของบริษัทที่ผลักดันราคาอยู่ มันเหมือนเป็น Macro ของบริษัท
-บริษัทมีรายได้ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องหนือไม่
ส่วนมากจะเห็นแบลคล็อกในพวกก่อสร้างนะ แต่อันอื่นทำได้หมดเเระ อยู่ในข่าว เเต่โยงกันให้ถูก อย่าง มอเตอร์เอกโปร ยอดจองพุ่งเกินเป้า เราต้องไปหาอะไรก็ได้ที่เป็นตัววัตถุดิบที่จะเเปรรูปมาทำชิ้นส่วนรถ ไม่ใช่ไปดู น้ำมันปาล์ม T^T
ทีนี้ หัวใจสำคัญของการอ่านข่าวคือ การจัดเรื่องลำดับเหตุการณ์
เอาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมาวางเรียงไว้ตามลำดับเวลา
เราจะเริ่มได้จุดคร่าวๆ ทางเวลา เป็นภาพใหญ่ ทีนี้ ให้เราเอาการคิดของนักล่า กับ ผู้ถูกล่ามาใส่
หาจุดที่ข่าวจะมีผลกระทบต่อราคา แน่นอนว่า ราคาดีที่สุดเมื่อข่าวดีออกมา มันจะเป็นการโหมข่าวเพื่อเปลี่ยนเทรน ราคาจะสูงกว่าพื้นฐาน รายใหญ่จะทยอยขาย รายย่อยจะเก็งกำไรสั้น เฮดจ์ฟันด์จะเก็งกำไรฟันปลาไม่คัทลอส
เป็นอันว่า จบ  ดูให้ออกทั้งเกม
-----------------------------------
มาเรื่องนี่ต่อ กะระยะกราฟด้วยสายตา
ถามว่าทำไมไม่ตีเส้น เพราะเส้นเยอะ ไม่งงกันบ้างหรอ??? แล้วมันก็มีเเค่สามเส้นเองที่สำคัญๆ
ก่อนกะระยะกราฟด้วยสายตาต้องทำข่าวมาก่อน เพื่อให้รู้ว่าเเรงเฉื่อยที่ลากได้มีมากน้อยขนาดไหน
พอเราเข้าใจเเล้วว่าเรื่องเด่นประจำสินค้าของเราคืออะไรบ้าง เราก็มาเปิดกราฟดู เเรงซื้อขาย และกะเอาตามทฤษฎีผู้ล่า กับ ผู้ที่ถูกล่า เราจะได้กราฟที่ TP ถูกชนอย่างงดงามบ่อยขึ้น
แต่ไม่รวมกับจังหวะ panic รุนเเรงนะ อันนั้นต้องทำกับตัวเลขเศรษฐกิจ ถ้าเราติดตามตัวเลขเศรษฐกิจมาสักระยะนึง เเล้วเห็นค่าประมาณการ เราจะรู้เองว่า จริงหรือหลอก เพราะตัวเลขเศรษฐกิจ สมมติ จะออกพร้อมกันสี่ตัว ตัวที่เด่นสุด จะทำให้เรามองภาพรวมออกว่า ตัวที่เหลือมันจะเป็นยังไง ซึ่งมันไม่บ่อยหรอก เพราะตัวเลขส่วนมากก็ไม่มีนัยไปทุกครั้งหรอก
อีกแบบของการเล่น panic คือ นับ ซื้อ ขาย ดูเส้นราคาวิ่งขึ้นลง สังเกตดีๆ จะเห็นการเก็บของก่อนข่าวเศรษฐกิจจะออก กับเเบบสุดท้าย ต่อยกลางลำตัว
เรื่องกลยุทธ์นี่ ขึ้นอยู่กับการปรับตัวเป็นสำคัญนะ เหมือนโต๊ะ Poker ไม่มีผิด
ปล. เล่นหุ้นมันเอามิติเดียวมาเล่นก็ได้ ไม่ผิดหรอก แต่ไม่อยากทำ
---------------------------
Poker เราเล่นกับใคร
บนโต๊ะ กับความน่าจะเป็นในมือ คือ ถ้าเราไปสนใจชาวบ้านมาก จนหลุดจากเกมของเรา เรียกว่าจะหลอกเขาเเต่มึนเอง เราก็จะจบก่อน
เชื่อเหอะ ขนาดเวลาเขียนขอบตาด้วยอายไลน์เนอร์ เขียนแบบไหนเเล้วสวยก็เขียนไปเหอะๆ ไม่ต้องเขียนให้มันบินได้หรอก บนโต๊ะ Poker ก็เหมือนกัน อยู่กับเกมของเราให้ชัวร์ก่อน ก่อนจะไปแกล้งคนในโต๊ะอะ
จนกว่าจะรู้ว่า ใครนิสัยเทเงินยังไง แต่ในตลาด คนเยอะมากกกกก
เรื่องที่ Poker เอามาใช้ได้ดีที่สุดคือเรื่องของการอยู่กับเกมของตัวเราเองนี่เเระ อย่าพลาดง่ายๆ แบบ เพื่อน เก มา ต้องเกต่อ เพราะชั้นถือ AA มากเท่าไหร่ชั้นก็ยอม แต่บนโต๊ะ มันมี ตอง 2 สุดท้าย เราดันไม่ยอมนับไพ่ในมือ กับบนโต๊ะว่า Four มันใหญ่กว่า Full เราเลยหมดตรู๊ด เพราะว่า ถ้ามันเทหน้าตักมา เราอาจจะรู้ตัวทัน แต่ถ้ามันเกมาทีละนิด จนเราหน้ามืด เเล้วซัดเราหลับทีสุดท้ายล่ะ ?? เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเน้นหลอกชาวบ้าน เน้นดูความน่าเป็นจะดีกว่าเยอะนะ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหุ้น
เราใช้การนับนี่เเระมานับเเท่งเทียน หลังจากที่ทำข่าว เเละกำหนดเเนวโน้มใหญ่ออกแล้ว เราจะรู้ทางหลักของมัน การเรียนรู้ทางเทคนิค จะช่วยให้เราวาดภาพเเท่งเทียนล่วงหน้าได้ เมื่อเรากะเเรงเฉื่อยมันลงตัว เด๋วจะมีเส้นศูนย์อีกตัวว่าทำไมต่อ ย่อๆ ลงๆ ขึ้นๆ ซึ่งมันเกี่ยวโยงกันหมด มันอยู่ที่ว่าใครลำดับความคิดได้ก่อนใครเท่านั้นเอง
---------------------
เส้นศูนย์คืออะไร?เส้นที่ช่วยปรับความสมดุลนั้นเอง
เเล้ววิธีคิดกับเส้นศูนย์หัวใจคืออะไร
"ทำไงไม่ให้คนตกใจหนี"
โหดร้ายเนอะ
------------------------
กำหนดช่วงเวลาตลาดเปิดปิดก็สำคัญ เอามาวางโซนไทม์คล้ายๆตอนทำข่าวอะเเระ แต่ว่า มันเป็นระยะที่สั้นกว่า จะออกเเนว Global Trade วันไหนมีประชุมก็ใส่ไป
-----------------------
Mix N Match
มันก็เหมือนเสื้อผ้า คงไม่มีใครบ้าซื้อชุด 365 ชุดต่อปี รึปีไหนกุภามี 29 วัน ก็ซื้อแมร่ง 366 ชุด
อันนี้เป็นการสรุปว่า คุณต้องสนุกกับการคิด การสร้างสรรค์  ใช่! ในตลาด ในชีวิตทุกวันนี้เราอาจจะเจอเเต่การแข่งขันจนเหนื่อย จนเบื่อ แต่ว่า คนที่สร้างสรรค์เท่านั่นเเระคือผู้ชนะอย่างใสสะอาด
ถามว่าทำไมไม่พูดถึงกลยุทธ์เลย
เพราะมีเป็นร้อย เเละขึ้นอยู่กับเครื่องมือของเเต่ละคนด้วย ต้องลองต้อง lab เอง
เพราะในส่วนของกลยุทธ์ คือโอกาสที่เราจะได้สร้างสรรค์ แม้ว่าเราจะถูกบีบจากการเเข่งขันมาเเล้วก็ตาม
ดังนั้น ขอให้ทุกคนมีความสุขและสนุกกับตลาด
ช่วงแรกๆ อาจจะเป็นเม่า ทุนน้อยวอนโดนตีน จากรายใหญ่ แต่ว่าเมื่อเราสนุกกับมันอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าการพัฒนาจะเกิดขึ้นในที่สุด แหล่งข้อมูลที่ต้องเข้าให้ถึงมีไม่กี่อย่าง
อย่างพวก นสพ หุ้น บทวิเคราะห์ของโบรก ดีๆ สักแห่ง และจิตใจที่รักมัน การแข่งขันในตลาดโลกครั้งนี้มันไม่โหดร้ายจนเกินไปหรอก อยากจะให้ทุกคนเสริมเขี้ยวเสริมเล็บไปขย้ำบดขยี้ฝรั่งแทนด้วย
โดยส่วนตัวคิดว่าการมาอยู่บ้านนอกคงหมดโอกาสเเล้วละ
แล้วเจอกันใหม่ถ้าชาติต้องการ วิกฤตอีกทีปีไหน เจอกัน อิอิ ^^
สรุปให้สั้นๆ มันคือการลำดับข้อมูลตามเวลา และน้ำหนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น